ทุกท่าน เคยเลือกที่จะไม่ทำบางอย่าง เพราะคิดว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันไหม
และเคยตั้งคำถามไหมว่า แท้จริงแล้ว เราไม่มีบทบาทในเรื่องนั้นจริงๆ หรือเพียงเพราะเรายังไม่เข้าใจเรื่องนั้นดีพอ จึงมองไม่เห็นความเกี่ยวข้องในบริบทของเรา?
เช่นเดียวกัน ถ้ามองอย่างผิวเผิน ก็คงไม่แปลกที่อาจจะดูเหมือนว่ามีเพียงศูนย์เดียว จากทั้งหมด 5 ศูนย์ของ IBHAP Foundation ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องสิ่งแวดล้อม คือ ศูนย์สุขภาพจิตและสุขภาวะโลก (Mental and Planetary Health Centre) ซึ่งตั้งมาเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยตรง โดยมุ่งเน้นไปที่บริบทของ Planetary Health ซึ่งหมายรวมถึงความเป็นอยู่ที่ดีของโลกและคนบนโลก ทั้งสุขภาวะกายและสุขภาวะจิต
แต่ถ้าพิจารณาเรื่องสิ่งแวดล้อมให้ลึกลงไปแล้ว จะพบว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวพันในมิติอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งต้องการการจัดการที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
ดังนั้น ศูนย์อื่นๆอีก 4 ศูนย์ ที่แม้ว่าชื่อศูนย์อาจไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม แต่แต่ละศูนย์ล้วนเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความตระหนักและผลักดันด้านสิ่งแวดล้อม ในบริบทต่างๆกัน ดังนี้…
1. ศูนย์ความร่วมมือเยาวชนส่งเสริม (Youth-Empowered Partnership Centre)
เนื่องจากเยาวชน เป็นกลุ่มประชากรที่มีแนวโน้มจะต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในอนาคต ที่มีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ การผลักดัน เสริมศักยภาพ และให้พื้นที่ในการมีส่วนร่วมของเยาวชน เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดการรับประกันว่า การขับเคลื่อนงานเพื่อจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจะคงอยู่และดำเนินต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคม รวมถึงการเคารพสิทธิ์ในการมีบทบาทในฐานะสมาชิกของสังคมอีกด้วย ในส่วนนี้ YEP Centre สามารถเป็นกำลังสำคัญในการให้พื้นที่การมีส่วนร่วมของเยาวชน รวมทั้งพัฒนาศักยภาพให้เยาวชนที่อาจจะยังไม่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะมีส่วนร่วมได้นั้น มีศักยภาพเพียงพอ และสร้างความตระหนักให้กับเยาวชนถึงสิทธิ์ในการมีส่วนร่วมของตนเอง
2. ศูนย์สิทธิมนุษยชนและความครอบคลุมทางสังคม (Human Rights and Social Inclusion Centre)
ปัญหาสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวเนื่องไปถึงปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ที่นอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยตรงแล้ว เช่น สิทธิ์ในการมีชีวิต (Right to Life) ยังทำให้คุณค่าของสิทธิมนุษยชนถูกลดทอน อีกทั้งยังทำให้ปัญหาความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่เดิมในสังคมทวีความรุนแรงขึ้น
เช่น หากเรามีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น และภาวะโลกร้อนนี้ ไปเอื้อให้เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อซึ่งทำอันตรายให้กับคนบางกลุ่มได้มากกว่าคนกลุ่มอื่นๆไม่ว่าจะด้วยความต่างด้านร่างกายหรือสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม นั่นหมายความว่า เรามีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างน้อย 2 สิทธิ์ ได้แก่ สิทธิ์ในการมีชีวิต (Right to Life) และสิทธิ์ในการไม่ถูกแบ่งแยก (Right to Non-discrimination)
หากแต่ประเด็นเหล่านี้ในบริบทของสิ่งแวดล้อม มักถูกมองข้ามไป ทำให้คนยังขาดความตระหนัก ในมุมเหล่านี้ ศูนย์สิทธิมนุษยชนและความครอบคลุมทางสังคม จึงสามารถเป็นกำลังสำคัญในการ address ประเด็นเหล่านี้ให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น รวมถึงสร้างความตระหนักและ sense of ownership ของปัญหา ว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมสามารถนำไปสู่ปัญหาทางสังคม และทำให้ความไม่เท่าเทียมในสังคมที่มีอยู่เดิมทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นการลดทอนคุณค่าของสิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังสร้างความยากลำบากในการพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ในแง่ของความครอบคลุมทางสังคม ศูนย์นี้ยังสามารถสร้างพื้นที่ในการมีส่วนร่วมและเป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่มคนชายขอบอีกด้วย
3. ศูนย์สานเสวนาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน (Dialogue Centre for Peace and Sustainable Development)
จากการที่พระอาจารย์นภันต์ได้รับนิมนต์ให้ไปแชร์หลักการและประสบการณ์การขับเคลื่อนงานเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการบูรณาการคุณค่าของพระพุทธศาสนาในงานระดับนานาชาติหลายๆงาน โดยเฉพาะในบริบทของสิ่งแวดล้อม เช่น งาน COP16, COP29, Interfaith G20 & PaRD Annual Meeting และ G20 & PaRD Annual Forum และ Planetary Health Annual Meeting Malaysia (PHAM) 2024 เป็นเครื่องยืนยันว่าหลักการของ Buddhism for SDGs ได้รับความสนใจและการยอมรับในระดับนานาชาติ และจากการที่ การสานเสวนานั้น นับเป็นใบเบิกทางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน ศูนย์สานเสวนาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนจึงสามารถเป็นกำลังสำคัญในส่งเสริมให้หลักการของ Buddhism for SDGs ได้เป็นที่รับรู้และเข้าใจในวงกว้างมากขึ้นไปอีก และถูกนำไปประยุกต์ใช้เพื่อผลลัพธ์เชิงบวก ในบริบทของศาสนาอื่นๆ ตั้งแต่ในระดับบุคคล ไปจนถึงระดับนานาชาติ เพื่อประโยชน์ของสังคมโลก ผ่านการสอดแทรกในการสานเสวนาระหว่างศาสนา (Interreligious Dialogue) และการสานเสวนาในบริบทอื่นๆ
4. ศูนย์บ่มพระผู้ประกอบกรรมเพื่อสังคม (Socially Engaged Monks Incubators)
จากหลักการของ Buddhism for SDGs จะเห็นได้ว่า พระสงฆ์ โดยเฉพาะในสังคมพุทธ มีบทบาทมากมายนอกเหนือจากบทบาทในการเป็นผู้นำศาสนา ซึ่งบทบาทที่หลากหลายและความใกล้ชิดกับชุมชนของพระสงฆ์ นับเป็นเครื่องมือสำคัญในการค่อยๆแปรเปลี่ยนองค์ความรู้และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในระดับนานาชาติ หรือระดับชาติ เป็นการปฏิบัติจริงในระดับบุคคลและระดับชุมชน ศูนย์บ่มพระผู้ประกอบกรรมเพื่อสังคม สามารถเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความตระหนักถึงบทบาทในการเป็นสื่อกลางบูรณาการความเป็นต้นทุนทางสังคมของพระพุทธศาสนานี้ให้กับพระสงฆ์ และยังสามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน
นอกจากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ทั้ง 5 ศูนย์ ยังมีความเกี่ยวข้องและสามารถส่งเสริมขับเคลื่อนงานด้านต่างๆได้ในบริบทของตน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสันติภาพ งานด้านการศึกษา และงานด้านอื่นๆอีกมากมายที่ IBHAP Foundation กำลังขับเคลื่อน…
ท่านเองก็เช่นกัน ^__^