“ผมเป็นคนรักร่วมเพศ และผมเป็นจิตแพทย์”

ในปี 1972 ชายสวมหน้ากากประหลาดในชุดทักซิโด้ เดินเข้ามา และกล่าวขึ้นในการประชุมสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา และเขาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์…
.
ชายคนนั้น แท้จริงแล้ว คือ นพ. John Ercel Fryer จิตแพทย์ชาวอเมริกัน โดยในการประชุมดังกล่าว เขาได้เข้ามาในที่ประชุมในชุดทักซิโด้ สวมวิก และสวมหน้ากาก (ดังภาพ) พร้อมได้รับการแนะนำว่าคือ Dr. Henry Anonymous สิ่งที่เขากล่าวในวันนั้น ผ่านร่างตัวละคร Dr. Henry ต่อหน้าเพื่อนร่วมวิชาชีพจำนวนมากในที่ประชุม ผ่านไมโครโฟนแปลงเสียง คือ…
.
“I am a homosexual. I am a psychiatrist”
(ผมเป็นคนรักร่วมเพศ และผมเป็นจิตแพทย์)
.
เพื่อต้องการสื่อนัยยะและยืนยันว่า การรักร่วมเพศนั้น ไม่ใช่ความเจ็บป่วยทางจิตใจ (เพราะจิตแพทย์ ก็เป็นคนรักร่วมเพศได้) และคำกล่าวนี้ นับได้ว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ช่วยเปลี่ยนความเข้าใจ และมุมมองต่อการเป็นคนรักร่วมเพศ อีกทั้งยังเป็นกุญแจสู่ความเท่าเทียมของคนกลุ่มนี้ในสังคม
.
นับตั้งแต่ปี 1952 การเป็นคนรักร่วมเพศ (homosexuality) ถูกจัดไว้เป็นความผิดปกติทางจิตเวช (mental disorder) ชนิดหนึ่ง โดยมีการระบุไว้ใน Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders หรือ DSM ซึ่งเป็น guideline วินิจฉัยและรักษาโรคจิตเวชที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศอื่นๆในโลกด้วย โดยแนวทางการรักษาที่ระบุไว้ มีตั้งแต่ การใช้สารเคมีทำให้อัณฑะฝ่อ (Chemical castration), การทำให้ชักด้วยการช็อตไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy) รวมไปถึงการทำลายเนื้อสมองส่วนหน้าบางส่วน โดยใช้แท่งเหล็กสอดผ่านท่อน้ำตาเข้าไปสู่สมอง (Lobotomy)
.
การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมที่มีมาโดยตลอด และการถูกจัดให้เป็นผู้มีความผิดปกติทางจิตเวช นำมาสู่การขับเคลื่อน เรียกร้องจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวรักร่วมเพศมาตั้งแต่ประมาณกลางช่วงปี 1960 และสร้างความกดดันให้กับสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา สำหรับตัว นพ. Fryer เอง ก็มีประสบการณ์การถูกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมเช่นเดียวกัน เช่น ถูกขับไล่ออกจากที่พักและเคยสูญเสียงานที่ทำ เพียงเพราะเขาเป็น “เกย์”… นพ. Fryer ระบุในบทความในวารสาร Gay & Lesbian Psychotherapy ว่า เขาคิดว่าแง่มุมเหล่านี้ ควรได้รับการสื่อสารโดยจิตแพทย์ที่เป็นเกย์ ให้กับกลุ่มผู้ฟังที่พร้อมจะรับฟังจิตแพทย์… หากแต่เขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง… จึงเป็นที่มาของ Dr. Henry ในชุดทักซิโด้ สวมวิก สวมหน้ากาก ที่พูดผ่านไมโครโฟนแปลงเสียงในการเสวนา หัวข้อ “Psychiatry: Friend or Foe to Homosexuals?” (จิตเวชศาสตร์: มิตร หรือ ศัตรู ของคนรักร่วมเพศ?) ที่การประชุมสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ในปี 1972 ซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม โดยเฉพาะจากผู้ฟังแถวหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารโรงพยาบาล
.
จากนั้น ในปีถัดมา DSM ได้ยกเลิกการจัดการเป็นคนรักร่วมเพศเป็นความผิดปกติทางจิตเวช ซึ่งส่งผลให้เกิดการลดการแบ่งแยกทางเพศในบริบทอื่นๆในสังคมด้วย เช่น ในโบสถ์ โรงเรียน หรือกองทัพ นับเป็นการทวงคืนสิทธิมนุษยชนให้กับคนกลุ่มนี้
.
การเปลี่ยนแปลงโดย นพ. Fryer นี้ ได้ถูกบันทึกในประวัติศาตร์ของ Association of LGBTQ+ Psychiatrists และในปี 2005 สมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกายังได้จัดทำรางวัล “John Fryer Award” เพื่อเป็นเกียรติให้กับ นพ. Fryer โดยรางวัลนี้จะถูกมอบให้ผู้ที่ขับเคลื่อนและทำคุณประโยชน์เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตของกลุ่มคนรักร่วมเพศ
.
จากเรื่องราวของ นพ. Fryer ทำให้เราเรียนรู้ว่า…
อย่าให้ profession ความรู้ความชำนาญดั้งเดิม หรืองานที่เราทำ มากำหนดว่าเราทำสิ่งใดได้หรือไม่ได้ ดังเช่นกรณีนี้ที่ทำให้เราเห็นว่า แพทย์ ก็สามารถเป็นกระบอกเสียงและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่นำมาสู่ความเท่าเทียมในสังคม และเรียกคืนสิทธิมนุษยชนของคนบางกลุ่มได้
.
หวังว่าเรื่องนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคน
.

สำหรับผู้สนใจ สามารถอ่านเรื่องราวของ นพ. John Fryer เพิ่มเติมได้ที่

https://www.nbcnews.com/nbc-out/out-news/-homosexual-psychiatrist-dr-anonymous-changed-history-rcna26836

John Fryer

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *